ฟ็อกซ์ คืนลิขสิทธิ์ถ่ายสวิง ยูเอส โอเพ่น ให้ เอ็นบีซี

ฟ็อกซ์ ตัดสินใจเมิน ยูเอส โอเพ่น พร้อมโอนลิขสิทธิ์ให้ เอ็นบีซี ถ่ายทอดสดแทน หลังแมตช์ไปชนกับศึก เอ็นเอฟแอล และ เอ็มเอสบี

เนื่องจากกิจกรรมกีฬาที่มีคนดูเข้าชมคับคั่งต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักกับสถานการณ์ ไวรัส โควิด-19 ทำให้ช่อง ฟ็อกซ์ ผู้นำด้านการถ่ายทอดสดกีฬา ตัดสินใจเลือกเก็บลิขสิทธิ์ เอ็นเอฟแอล และ เมเจอร์ลีก เบสบอล เหนือการแข่งขันกอล์ฟ ยูเอส โอเพ่น รายการเมเจอร์ของ ยูเอสจีเอ สิ้นสุดดีลที่ทำด้วยกันมานานกว่า 12 เดือนในการถ่ายทอดสด พร้อมโอนลิขสิทธิ์ให้กับ เอ็นบีซี ยูนิเวอร์ซัล

เดิมทีการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น จะต้องทำการแข่งขันในเดือน มิ.ย. ก่อนที่จะเลื่อนการแข่งขันไปแข่งในเดือน ก.ย.นี้ ภายหลังจากสถานการณ์ ไวรัส โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และนั่นทำให้เกิดการติดขัดด้านช่วงเวลาในการถ่ายทอดสดที่ทาง ฟ็อกซ์ มีลิขสิทธิ์กับ เอ็นเอฟแอล รวมถึง คอลเลจ ฟุตบอล และ เมเจอร์ ลีก เบสบอล

ยูเอสจีเอ ได้มีแถลงการณ์ว่า "ด้วยสถานการณ์ ไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบกับวันเวลาในการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น และทำให้ต้องหาช่วงเวลาในการถ่ายทอดสด ซึ่งกลายเป็นเรื่องท้าทายของ ฟ็อกซ์ สปอร์ส ที่มีลิขสิทธิ์ต้องถ่ายทอดการแข่งขัน เอ็นเอฟแอล, เอ็มแอลบี และ คอลเลจฟุตบอล"

"นั่นทำให้ทั้ง ฟ็อกซ์ และ เอ็นบีซี/กอล์ฟ แชนแนล ต้องทำงานร่วมกันเพื่อปีอันพิเศษนี้ในการหาช่องทางในการออกอากาศ และก็เป็นโอกาสที่ เอ็นบีซียู ได้ตกลงข้อเสนอเข้ามาถือลิขสิทธิ์มีเดียของ ยูเอสจีเอ"

ฟ็อกซ์ เองได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 12 ปีที่มีมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญตั้งแต่ปี 2015 ไปจนถึงปี 2026 กับทาง ยูเอสจีเอ โดยทาง ยูเอสจีเอ เผยว่าเงื่อนไขข้อตกลงยังคงเหมือนเดิม โดยทาง เอ็นบีซี จะเข้ามาถ่ายทอดสดการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น ในปีนี้ที่ วิงเก็ด ฟุต กอล์ฟ คลับ ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย.นี้ และรวมถึงการแข่งขัน ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น, ยูเอส อเมเจอร์ และ ยูเอส วีเมนส์ อเมเจอร์ ด้วย

เอริค แชงค์ส ซีอีโอ และโปรดิวเซอร์อาวุโส ของ ฟ็อกซ์ สปอร์ตส เผยว่า "ด้วยตารางที่ถี่ยิบในการถ่ายทอดสดทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะหาหนทางในการเปิดช่องว่างให้การแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น ได้ แต่เราก็ภูมิใจที่สร้างความสำเร็จในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเอาชนะใจแฟนๆทั่วโลก"